ผู้ไม่ประมาทในความตายแท้จริง
ภิกษุทั้งหลาย ! มรณสติ(ความระลึกถึงความตาย)อันบุคคล
เจริญทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ หยั่งลงสู่
นิพพาน มีนิพพานเป็นที่สุด. พวกเธอเจริญมรณสติอยู่บ้างหรือ ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลตอบ และพระผู้มีพระภาคได้ตรัสต่อไปว่า;
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุพวกที่เจริญมรณสติอย่างนี้ว่า
“โอหนอเราอาจจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงวันหนึ่งคืนหนึ่ง ฯ ดังนี้ก็ดี,
เราอาจมีชีวิตอยู่ได้ เพียงชั่วเวลากลางวัน ฯ ดังนี้ก็ดี,
เราอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียงชั่วขณะที่ฉันบิณฑบาตเสร็จมื้อหนึ่ง ฯ ดังนี้ก็ดี,
เราอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียงชั่วขณะที่ฉันอาหารเสร็จเพียง ๔-๕ คำ
เราพึงใส่ใจถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด
การปฏิบัติตามคำสั่งสอนควรทำให้มากแล้วหนอ” ดังนี้ก็ดี,
ภิกษุเหล่านี้ เราเรียกว่า ยังเป็นผู้ประมาทอยู่ ยังเจริญมรณสติเพื่อความสิ้นอาสวะช้าไป.
ภิกษุทั้งหลาย ! ฝ่ายภิกษุพวกที่เจริญมรณสติ อย่างนี้ว่า
“โอหนอ เราอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ เพียงชั่วขณะที่ฉันอาหารเสร็จเพียงคำเดียว” ดังนี้ก็ดี,
ว่า “โอหนอ เราอาจมีชีวิตอยู่ได้เพียงชั่วขณะที่หายใจเข้าแล้วหายใจออก
หรือชั่วขณะหายใจออกแล้วหายใจเข้า.
เราพึงใส่ใจถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด,
การปฏิบัติคำสอนควรทำให้มากแล้วหนอ”ดังนี้ก็ดี;
ภิกษุเหล่านี้ เราเรียกว่า เป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว,
เป็นผู้เจริญมรณสติเพื่อความสิ้นอาสวะอย่างแท้จริง.
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลาย
พึงสำเหนียกใจไว้ว่า “เราทั้งหลาย จักเป็นผู้ไม่ประมาทเป็นอยู่,
จักเจริญมรณสติเพื่อความสิ้นอาสวะอย่างแท้จริง”
ดังนี้. ภิกษุทั้งหลาย! เธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้แล.
ที่มา: ( บาลี พระพุทธภาษิต อฏฺจก. อ°. ๒๓/๓๒๗/๑๘๐, พุทธวัจน์
ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่หมู่บ้านนาทิกะ. )