เริ่มขั้นตอนการอุปสมบท (บวชพระภิกษุ) |
ต่อจากนี้ไปเป็นการเริ่มขั้นตอนการอุปสมบทบวชเป็นพระภิกษุ มีข้อที่ควรทำความเข้าอีก คือ ถึงแม้จะบวชเป็นพระภิกษุ แต่ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการบวชเป็นสามเณรก่อนทุกครั้ง ผู้ที่จะบวชเป็นพระภิกษุต้องขอนิสัยจากพระอุปัชฌาย์ มีลำดับขั้นตอนดังต่อไปนี้ การจะอุปสมบทบวชเป็นพระภิกษุ บริขารต้องครบทุกอย่างที่เรียกว่าบริขาร ๘ จึงจะสามารถบวชได้ สามเณรรับบาตรจากบิดามารดาที่นำมาประเคนเดินด้วยเข่าเข้าไปหาพระอุปัชฌาย์ น้อมบาตรถวายท่าน กราบลง ๓ หน แล้วยืนขึ้นว่า อุกาสะ วันทามิ ภันเต // สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต // มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อนุโมทิตัพพัง // สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง // สาธุ / สาธุ / อนุโมทามิฯ อุกาสะ การุญญัง กัตะวา / นิสสะยัง เทถะ เม ภันเตฯ คำแปล ขอโอกาสขอรับ กระผมขอกราบไหว้ ท่านขอรับ ขอท่าน จงยกโทษที่ได้ล่วงเกินทั้งปวง ขอท่านพึงอนุโมทนาบุญที่กระผมได้กระทำ และขอท่านพึงให้บุญที่ท่านได้ทำแก่กระผมด้วย สาธุ สาธุ กระผมขออนุโมทนา ฯ ท่านขอรับ ขอโอกาส ขอท่านจงมีความกรุณาให้นิสสัยผมด้วยขอรับ ฯ อะหัง ภันเต นิสสะยัง ยาจามิ // ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต นิสสะยัง ยาจามิ // ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต นิสสะยัง ยาจามิ // คำแปล ท่านขอรับ กระผมขอนิสสัย แม้ครั้งที่สองฯลฯ แม้ครั้งที่สาม ท่านขอรับ กระผมขอนิสสัยฯ (ว่าต่อ) อุปัชฌาโย เม ภันเต โหหิ // อุปัชฌาโย เม ภันเต โหหิ // อุปัชฌาโย เม ภันเต โหหิ // คำแปล ท่านขอรับ ขอท่านจงเป็นพระอุปัชฌาย์ของกระผมท่านขอรับ ขอท่านจงเป็นพระอุปัชฌาย์ของกระผม ท่านขอรับ ขอท่านจงเป็นพระอุปัชฌาย์ของกระผมฯ พระอุปัชฌาย์ว่า "ปฎิรูปัง" คำแปล สมควรแล้วหรือ สามเณรว่า อุกาสะ สัมปะฏิจฉามิ คำแปล ขอโอกส ขอรับกระผม พระอุปัชฌาย์ว่า "โอปายิกัง" คำแปล ชอบด้วยอุบายแน่หรือ สามเณรว่า สัมปะฏิจฉามิ คำแปล ขอรับกระผม พระอุปัชฌาย์ว่า "ปาสาทิเกนะ สัมปาเทหิ" คำแปล เธอจงปฏิบัติตัวให้ถึงพร้อมด้วยอาการที่น่าเลื่อมใสเถิด สามเณรว่า สัมปะฏิจฉามิ คำแปล ขอรับกระผม แล้วสามเณรว่าต่อไปอีก ดังนี้ อัชชะตัคเคทานิ/ เถโร มัยหัง ภาโร// อะหัมปิ เถรัสสะ ภาโร อัชชะตัคเคทานิ/ เถโร มัยหัง ภาโร// อะหัมปิ เถรัสสะ ภาโร อัชชะตัคเคทานิ/ เถโร มัยหัง ภาโร// อะหัมปิ เถรัสสะ ภาโร คำแปล ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พระเถระเป็นภาระของกระผม แม้กระผมเองก็เป็นภาระสำหรับพระเถระ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พระเถระเป็นภาระของกระผม แม้กระผมเองก็เป็นภาระสำหรับพระเถระตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พระเถระเป็นภาระของกระผม แม้กระผมเองก็เป็นภาระสำหรับพระเถระ จบแล้วกราบ ๑ หน ยืนประณมมือว่า วันทามิ ภันเต // สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต // มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อนุโมทิตัพพัง // สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง // สาธุ / สาธุ / อนุโมทามิฯ คำแปล ท่านขอรับ กระผมขอกราบไหว้ ท่านขอรับ ขอท่าน จงยกโทษที่ได้ล่วงเกินทั้งปวงให้กระผมด้วย ขอท่านพึงอนุโมทนาบุญที่กระผมได้กระทำ และขอท่านพึงให้บุญที่ท่านได้ทำแก่กระผมด้วย สาธุ สาธุ กระผมขออนุโมทนาฯ นั่งคุกเข่า กราบ ๓ หน ขยับเข้ามาใกล้ๆ พระอุปัชฌาย์ นั่งประณมมือฟัง ท่านกล่าวสอน ตั้งชื่อเป็นภาษาบาลีให้ และบอกชื่อพระอุปัชฌาย์ ต่อไปนี้เป็นคำกล่าวสอนโดยย่อให้สามเณรตั้งใจฟัง ในที่นี้จะขอนำคำกล่าวที่สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร กล่าวสอนในเวลาบวชนาคมาแสดงไว้เป็นตัวอย่าง ดังนี้ "บัดนี้ได้ขอนิสัยแล้ว ขอนิสัยคือขออยู่ในสำนักและยินดีปฏิบัติตามหน้าที่ระหว่างกันและกัน พระอุปัชฌาย์มีหน้าที่ในการแนะนำ อบรม ตักเตือน สั่งสอน ชอบด้วยธรรมชอบด้วยวินัย สัทธิวิหาริกก็คือศิษย์นั่นเอง มีหน้าที่ในการปฏิบัติตามคำแนะนำ อบรม ตักเตือน สั่งสอน ชอบด้วยธรรมชอบด้วยวินัย เมื่อได้ยืนยันความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำ อบรม ตักเตือน สั่งสอน ชอบด้วยธรรมชอบด้วยวินัย ต่อไปพระสงฆ์ได้จะยกขึ้นเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ต้องสวดประกาศเป็นภาษาบาลี จึงขอให้ชื่อในภาษาบาลีว่า "ญาณะวะชิโร"ถ้าพระอาจารย์ทั้งสองสวดถามว่า กินนาโมสิ แปลว่า ท่านชื่ออะไร ให้เรียนตอบกับท่านว่า "อะหัง ภันเต ญาณะวะชิโร (ชื่อภาษาบาลีของเราเอง) นามะ" ถ้าพระอาจารย์ ทั้งสองสวดถามต่อไปว่า "โก นามะ เต อุปัชฌาโย" แปลว่า พระอุปัชฌาย์ ของท่านชื่ออะไร ให้เรียนตอบกับท่านว่า อุปัชฌาโย เม ภันเต อายัสะมา อุปะเสโณ นามะ ต่อไปนี้ขอให้ฟังบอกบาตรและจีวรบริขารสำหรับพระ" (ชื่อบาลีฉายาพระบวชใหม่ของตนเองและชื่อพระอุปัชฌาย์ต้องจำให้ได้ เพราะจะต้องเปลี่ยนชื่อตัวอย่างที่ขีดเส้นใต้เป็นชื่อตนเองและพระอุปัชฌาย์ที่บวชให้ในอุโบสถ) จากนั้นพระอุปัชฌาย์แนะนำบริขารเครื่องใช้ให้ทราบเป็นเบื้องต้น โดยสวดเป็นภาษาบาลีว่า ปะฐะมัง อุปัชฌัง คาหาเปตัพโพ / อุปัชฌัง คาหาเปตะวา / ปัตตะจีวะรัง อาจิกขิตัพพัง // พระอุปัชฌาย์ชี้มาที่บาตร พร้อมกับตอกว่า อะยัน เต ปัตโตฯ คำแปล นี่บาตรเธอนะ สามเณรตอบรับว่า อามะ ภันเตฯ คำแปล ขอรับกระผม พระอุปัชฌาย์ชี้มาที่บาตร พร้อมกับถามว่า อะยัง สังฆาฎิฯ คำแปล นี่ผ้าสังฆาฏิเธอนะ สาเณรตอบรับว่า อามะ ภันเตฯ คำแปล ขอรับกระผม พระอุปัชฌาย์ชี้มาที่ผ้าจีวร พร้อมกับถามว่า อะยัง อุตตะราสังโคฯ คำแปล นี่ผ้าจีวรเธอนะ สามเณรตอบรับว่า อามะ ภันเต คำแปล ขอรับกระผม พระอุปัชฌาย์ชี้มาที่สบง พร้อมกับถามว่า อะยัง อันตะระวาสะโก คำแปล นี่ผ้าสบงเธอนะ สามเณรตอบรับว่า อามะ ภันเต คำแปล ขอรับกระผม จากนั้น พระกรรมวาจารย์และอนุสาวนาจารย์คล้องบาตรให้ สามเณรประณมมือเดินเข่าถอยหลังออกไปพอพ้นแนวพระสงฆ์แล้วยืนขึ้นหันหน้ากลับเดินตามพระไปยืนในที่ห่างจากสงฆ์ออกไปประมาณ ๑๒ ศอก ประณมมือหันหน้ามาทางพระสงฆ์ บางแห่งจะมีอาสนะสำหรับพระคู่สวดปูไว้ด้านหน้า ให้เดินวนขวาอาสนะนั้น ไม่ให้เหยียบเพราะเป็นอาสนะของพระกรรมวาจารย์และอนุสาวนาจารย์ การไม่ยืน ไม่เหยียบ ไม่นั่ง ไม่นอน หรือวางสิ่งของบนอาสนะของครูบาอาจารย์ เป็นการแสดงความเคารพอีกแบบหนึ่งของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ต่อจากนั้น พระคู่สวดนั่งคุกเข่า หันหน้าไปทางพระประธาน กราบ ๓ หน ว่า นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ) แล้วเริ่มสวดกรรมวาจา ดังนี้ สุณาตุ/ เม ภันเต สังโฆ// ญาณะวะชิโร/ อายัสมะโต อุปะเสณัสสะ อุปสัมปทาเปกโข// ยะทิ/ สังฆัสสะ ปัตตกัลลัง// อะหัง/ ญาณะวะชิรัง อะนุสาเสยยัง ฯ คำแปล ขอรับ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ท่านญาณะวะชิระ เป็นอุปสัมปทาเปกขะของท่านอุปะเสณะ ถ้าสงฆ์มีความพร้อมเพรียงกันดีแล้ว กระผมจะพึงกล่าวสอนท่านญาณะวะชิระ พระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์ลุกเดินมายืนอยู่บนอาสนะที่วางอยู่เบื้องหน้าสามเณร พร้อมสวดซักซ้อมการถามตอบอันตรายิกธรรมต่อไป
การซักซ้อมอันตริยกธรรม
อันตริยกธรรม แปลว่า ธรรมที่เป็นอันตรายต่อการ บวช การซักซ้อมอันตริยกธรรม หมายถึง การซักซ้อม สอบถามสิ่งที่เป็นข้อห้ามสำหรับผู้ที่จะบวชเป็นพระภิกษุ เช่น ไม่เป็นโรคน่ารังเกียจ ไม่ทุพลภาพจนช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ไม่มีหนี้สินติดตัว มีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ เป็นต้น การซักซ้อมอันตรายิกธรรมเป็นการทำความเข้าใจระหว่างพระคู่สวดกับผู้ที่ขอบวชเป็นพระภิกษุว่า หากมีข้อห้ามเหล่านี้แล้วบวชเป็นภิกษุไม่ได้ ซึ่งผู้ขอบวชจะต้องตอบคำถามเหล่านี้ตามความเป็นจริง ท่ามกลางสงฆ์
คำสวดซักซ้อมอันตรายิกธรรม สุณาสิ ญาณะวะชิระ อะยันเต สัจจะกาโล ภูตะกาโล ยัง ชาตัง ตัง สังฆะมัชเฌ ปุจฉันเต// สันตัง อัตถีติ วัตตัพพัง//อะสันตัง นัตถีติ วัตตัพพัง// มา โข วิตถาสิ// มาโข มังกุ อะโหสิ// เอวันตัง ปุจฉิสสันติ// สันติ๊/ เต/ เอวรูปา/ อาพาธา คำแปล ดูก่อนญาณะวชิระ ขอท่านจงฟัง เวลานี้เป็นเวลาที่ท่านต้องกล่าวแต่ความเป็นจริง กล่าวแต่สิ่งที่มีอยู่จริง ท่ามกลางสงฆ์ สิ่งใดเป็นจริงก็พึงกล่าวว่ามี สิ่งใดไม่เป็นจริงก็จงกล่าวว่าไม่มี.....ท่านมีโรคดังต่อไปนี้หรือไม่
กุฏฐัง นัตถิ ภันเต เป็นบุรุษหรือไม่? ครับผม (ที่ขีดเส้นใต้เปลี่ยนเป็นชื่อฉายาสำหรับพระบวชใหม่ของตนเอง)
จากนั้น สามเณรประณมมือยืนอยู่ก่อน ส่วนพระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์จะกลับเข้ามาในที่ประชุมสงฆ์และสวดกรรมวาจาต่อไป ดังนี้
คำขอเรียกอุปสัมปทาเปกขะ(1)เข้ามา สุณาตุ/ เม ภันเต สังโฆ// ญาณะวะชิโร/ อายัสมะโต อุปะเสณัสสะ อุปะสัมปะทาเปกโข// อะนุสิฏโฐ โส มะยา// ยะทิ/ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง// ญาณะวะชิโร / อาคัจเฉยยะ// อาคัจฉาหีติ วัตตัพโพ (อาคัจฉาหิ) ฯ คำแปล ท่านขอรับ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ญาณะวะชิระเป็นอุปสัมปทาเปกขะของท่านอุปะเสณะ ถ้าสงฆ์มีความพร้อมเพรียงกันดีแล้ว ญาณะวะชิระพึงเข้ามา พึงกล่าวว่า ขอท่านจงเข้ามา ฯ จากนั้นพระอุปัชฌาย์เรียกให้สามเณรเข้ามาสู่ท่ามกลางสงฆ์ สามเณรประณมมือเดินวนรอบอาสนะสีเขียวเข้ามา ถึงแนวพระสงฆ์แล้วนั่งคุกเข่าลงกราบ ๓ หน แล้วเปล่งวาจาขออุปสมบท ดังนี้
คำขออุปสมบท สังฆัมภันเต อุปะสัมปะทัง ยาจามิ // อุลลุมปะตุ มัง ภันเต สังโฆ // อนุกัมปัง อุปาทายะ// ทุติยัมปิ ภันเต สังฆัง อุปสัมปะทัง ยาจามิ // อุลลุมปะตุ มัง ภันเต สังโฆ // อนุกัมปัง อุปาทายะ// ตะติยัมปิ ภันเต สังฆัง อุปสัมปะทัง ยาจามิ // อุลลุมปะตุ มัง ภันเต สังโฆ // อนุกัมปัง อุปาทายะ// คำแปล ท่านขอรับ กระผมขออุปสมบทกับสงฆ์ ขอสงฆ์จงอนุเคราะห์เกื้อกูลกระผม ฯลฯ แม้ครั้งที่สาม ท่านขอรับ กระผมขออุปสมบทกับสงฆ์ ขอสงฆ์จงอนุเคราะห์เกื้อกูลกระผมฯ
กราบ ๑ หน แล้วประณมมือเดินเข่าเข้าไปท่ามกลางสงฆ์วางเข่าตรงที่พระสงฆ์บอก (สังเกตดูมือพระท่านขีดให้เป็นสัญลักษณ์ตรงที่จะวางเข่า) จากนั้น พระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์สวดสมมติตนเพื่อเป็นตัวแทนสงฆ์ถามอันตรายิกธรรมดังต่อไปนี้ คำสมมติเพื่อถามอันตรายิกธรรม สุณาตุ/ เม ภันเต สังโฆ// อะยัง ญาณะวะชิโร/ อายัสมะโต อุปะเสณัสสะ อุปะสัมปะทาเปกโข// ยะทิ/ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง//อะหัง/ ญาณะวะชิรัง/ อันตะรายิเก ธัมเม ปุจเฉยยังฯ คำแปล ท่านขอรับ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ญาณะวะชิระนี้ เป็นอุปะสัมปะทาเปกขะของท่านอุปะเสณะ ถ้าสงฆ์มีความพร้อมเพรียงกันดีแล้ว กระผมจะพึงถามญาณะวะชิระ ฯ เสร็จแล้วนั่งฟังพระคู่สวดถามอันตรายิกธรรมเหมือนเดิม คำสวดถามอันตรายิกธรรม สุณาสิ ญาณะวะชิระ อะยัน เต สัจจะกาโล ภูตะกาโล ยัง ชาตัง ตัง ปุจฉามิ สันตัง อัตถีติ วัตตัพพัง//อะสันตัง นัตถีติ วัตตัพพัง// สันติ๊/ เต/ เอวรูปา/ อาพาธา คำแปล ดูก่อนญาณะวะชิระ ขอท่านจงฟัง เวลานี้เป็นเวลาที่ท่านต้องกล่าวแต่ความเป็นจริง กล่าวแต่สิ่งที่มีอยู่ สิ่งใดเป็นความจริงก็พึงกล่าวว่า มี สิ่งใดไม่เป็นความจริงก็จงกล่าวว่า ไม่มี.....ท่านมีโรค(ข้อห้าม) ดังต่อไปนี้หรือไม่ สวดถามว่า สวดตอบว่ากุฏฐัง นัตถิ ภันเต เป็นบุรุษหรือไม่? ครับผม (ที่ขีดเส้นใต้เปลี่ยนเป็นชื่อฉายาสำหรับพระบวชใหม่ของตนเอง)
จากนั้น ฟังสวดญัตติจตุตถกรรมวาจาเพื่อยกสามเณรขึ้นเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ถือว่าเป็นช่วงที่สำคัญที่สุด
คำสวดญัตติจตุตถกัมมวาจา
สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ อะยัง ญาณะวะชิโร อายัสมะโต อุปะเสณัสสะ อุปะสัมปทาเปกโข ปะริสุทโธ อันตรายิเกหิ ธัมเมหิ ปะริปุณณัสสะ ปัตตะจีวะรัง ญาณะวะชิโร สังฆัง อุปสัมปทัง ยาจติ อายัสมะตา อุปเสเณนะ อุปัชฌาเยน ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง สังโฆ ญาณะวะชิรัง อุปะสัมปาเทยยะ อายัสมะตา อุปะเสเณนะ อุปัชฌาเยน เอสา ญัตติ สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ อะยัง ญาณะวะชิโร อายัสมะโต อุปะเสณัสสะ อุปะสัมปทาเปกโข ปะริสุทโธ อันตรายิเกหิ ธัมเมหิ ปะริปุณณัสสะ ปัตตะจีวะรัง ญาณะวะชิโร สังฆัง อุปะสัมปทัง ยาจติ อายัสมะตา อุปะเสเณนะ อุปัชฌาเยน ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง สังโฆ ญาณะวะชิรัง อุปสัมปาเทติ อายัสมะตา อุปเสเณนะ อุปัชฌาเยน ทุติยัมปิ เอตมัตถัง วะทามิ สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ อะยัง ญาณะวะชิโร อายัสมะโต อุปะเสณัสสะ อุปะสัมปทาเปกโข ปะริสุทโธ อันตรายิเกหิ ธัมเมหิ ปะริปุณณัสสะ ปัตตะจีวะรัง ญาณะวะชิโร สังฆัง อุปะสัมปทัง ยาจติ อายัสมะตา อุปะเสเณนะ อุปัชฌาเยน ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง สังโฆ ญาณะวะชิรัง อุปสัมปาเทติ อายัสมะตา อุปเสเณนะ อุปัชฌาเยน ตะติยัมปิ เอตะมัตถัง วะทามิ สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ อะยัง ญาณะวะชิโร อายัสมะโต อุปะเสณัสสะ อุปะสัมปทาเปกโข ปะริสุทโธ อันตรายิเกหิ ธัมเมหิ ปะริปุณณัสสะ ปัตตะจีวะรัง ญาณะวะชิโร สังฆัง อุปะสัมปทัง ยาจติ อายัสมะตา อุปะเสเณนะ อุปัชฌาเยน ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง สังโฆ ญาณะวะชิรัง อุปสัมปาเทติ อายัสมะตา อุปเสเณนะ อุปัชฌาเยน อุปะสัมปันโน สังเฆนะ ญาณะวะชิโร อายัสมะโต อุปะเสเณนะ อุปัชฌาเยนะ ขะมะติ สังฆัสสะ ตัสมา ตุณหี เอวะเมตัง ธาระยามิ
คำแปล ญาณะวะชิระได้อุปะสมบทจากสงฆ์แล้ว โดยมีท่านอุปะเสณะเป็นพระอุปัชฌาย์ สงฆ์ยอมรับ เพราะเหตุนั้น จึงเป็นผู้นิ่งข้าพเจ้า ย่อมทรงญัตติไว้ตามนั้นฯ เสร็จแล้วกราบ ๓ หน ประณมมือคลานเข่าถอยหลังออกไป พอพ้นพระสงฆ์แล้วลุกขึ้นไปยืนอยู่ที่เดิม ในกรณีที่พระอุปัชฌาย์ไม่บอกอนุศาสน์เอง ท่านจะมอบให้พระคู่สวดเป็นผู้บอกอนุศาสน์ พระคู่สวดเดินตามไปยืนบนอาสนะสวดบอกอนุศาสน์ การสวดบอกอนุษสาสน์ท่านจะบอกเป็นภาษาบาลีไว้ก่อนพระใหม่ฟังสวดอนุศาสน์ไปจนจบ เมื่อกลับถึงที่พักแล้ว พระอาจารย์ หรือพระพี่เลี้ยงจะแนะนำรายละเอียดเกี่ยวกับอนุศาสน์อีกครั้ง ที่มาจากหนังสือ ลูกผู้ชายต้องบวช ผู้แต่ง ญาณวชิระ
|
เริ่มขั้นตอนการอุปสมบท (บวชพระภิกษุ)
