สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

หลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันธรรมสวนะและเทศกาล

หลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันธรรมสวนะและเทศกาล

หลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันธรรมสวนะและเทศกาล

วันมาฆบูชา

 วันมาฆบูชา เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 มีเหตุการณ์อัศจรรย์ที่พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน 1,250 รูป มาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ โดยมิได้นัดหมายกัน พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6 และเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า ในวันนี้พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงหลักธรรมที่ชื่อว่า “โอวาทปาติโมกข์” ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ซึ่งเป็นทั้งหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการปฏิบัติที่นำไปใช้ได้ในทุกสังคม มีเนื้อหาโดยสรุปรวมก็คือ ให้ละเว้นความชั่ว ทำความดีให้ถึงพร้อม และทำจิตใจให้ผ่องใส

หลักการ 3 ได้แก่
 1) การละเว้นทำความชั่ว
 2) ทำความดีให้ถึงพร้อม
 3)ทำจิตใจให้ผ่องใส หลักการ 3 ประการนี้ ถือเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา หากมนุษย์สามารถปฏิบัติตามหลักธรรม 3 ประการนี้ ก็จะเกิดสันติภาพแก่ชาวโลก แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย โลกนี้ก็จะเกิดความสงบสุขได้อย่างแท้จริง

อุดมการณ์ 4 ได้แก่
 1) ความอดทน
 2) ความไม่เบียดเบียน
 3) ความสงบ และ
 4) นิพพาน (ความดับทุกข์) ซึ่งเป็นอุดมการณ์ของมนุษย์ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ ซึ่งพระพุทธเจ้าและพุทธสาวกทั้งหลาย สามารถนำไปเป็นแนวปฏิบัติ จนถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต คือ พระนิพพาน ดังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงเป็นแบบอย่างของมนุษย์ผู้สามารถพัฒนาตนเองให้ถึงจุดหมายสูงสุดได้

วิธีการ 6 ได้แก่
1) ไม่กล่าวร้าย
2) ไม่ทำร้ายผู้อื่น
3)สำรวมในปาติโมกข์ (เคารพในระเบียบวินัย)
4) รู้ประมาณ
5) อยู่ในสถานที่ที่สงัด และ
6) ฝึกหัดจิตใจให้สงบ การปฏิบัติตามวิธีการ 6 ประการนี้ ถือว่าเป็นแนวทางในการนำไปใช้ในการดำเนิน

************************************************************

วันวิสาขบูชา

พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธปรินิพพาน เวียนมาบรรจบในวันและเดือนเดียวกัน คือ วันเพ็ญเดือนวิสาขะ (เดือน 6) จึงถือว่าเป็นวันสำคัญของพระพุทธเจ้า หลักธรรมอันเกี่ยวเนื่องจากการประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธปรินิพพาน คือ ความกตัญญู อริยสัจ 4 และความไม่ประมาท

ความกตัญญู จะเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นบุพพการีในฐานะที่ทรงสถาปนาพระพุทธศาสนาและทรงสอนทางพ้นทุกข์ให้แก่เวไนยสัตว์ พุทธศาสนิกชน รู้พระคุณอันนี้ จึงตอบแทนด้วยอามิสบูชา และปฏิบัติบูชา กล่าวคือ การจัดกิจกรรมในวันวิสาขบูชา เป็นส่วนหนึ่งที่ชาวพุทธแสดงออก ซึ่งความกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ ด้วยการทำนุบำรุง ส่งเสริม พระพุทธศาสนา และประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อดำรงอายุพระพุทธศาสนา

นอกจากการปฏิบัติในการแสดงตนเป็นผู้มีความกตัญญูต่อพระพุทธศาสนาหรือต่อพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ต้องแสดงความกตเวที คือ การตอบแทนอุปการคุณที่ผู้อื่นทำไว้นั้น ผู้ที่ทำอุปการคุณก่อนเรียกว่า ปุพพการี เช่น บิดามารดา ครูอาจารย์ หรือผู้มีอุปการคุณทุกท่าน การแสดงความกตัญญูต่อบุคคลเหล่านี้ ไม่ใช่ปฏิบัติเพียงวันวิสาขบูชาเท่านั้น แต่ควรตั้งอยู่ในใจตลอดเวลา

 อริยสัจ 4 เป็นหลักคำสอนที่มุ่งความจริงอันประเสริฐ สามารถนำไปเป็นแนวปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวันได้ หลักอริยสัจ 4 เป็นหลักธรรมที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ถึงแนวทางแก้ทุกข์ของมนุษย์ พระองค์ทรงค้นพบหลักความจริงของอริยสัจ 4 จึงเข้าใจถึงหลักความเป็นจริงที่ก่อให้เกิดทุกข์แก่มนุษย์ พระองค์จึงทรงรู้แจ้งเห็นจริงกับหลักธรรมในข้อนี้ จึงมุ่งสอนให้มนุษย์สามารถแก้ไขปัญหาของมนุษย์โดยตัวของมนุษย์เอง การแก้ไขปัญหาจะต้องแก้ไขตรงที่ตัวเหตุปัจจัย นอกจากคุณค่าของอริยสัจ 4 ดังกล่าวแล้ว ยังมีคุณค่าเด่น ดังนี้คือ
1) เป็นวิธีการแห่งปัญญา
2) เป็นการแก้ปัญหาและจัดการกับชีวิตของตน ด้วยปัญญาของมนุษย์เอง
3) เป็นความจริงที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนทุกคน และ
4) เป็นหลักความจริงกลาง ๆ ที่ติดเนื่องอยู่กับชีวิต หรือเป็นเรื่องของชีวิตเองแท้ ๆ

 ความไม่ประมาท หลักความไม่ประมาทนี้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ก่อนที่พระพุทธองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน โดยกล่าวเป็นปัจฉิมวาจาว่า “ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราของเตือนเธอทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงทำหน้าที่ให้สำเร็จด้วยความไม่ประมาทเถิด” พระพุทธองค์ทรงตรัสเตือนถึงความไม่เที่ยงแท้ของสังขาร จะต้องมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในที่สุด เพราะฉะนั้นมนุษย์ไม่ควรประมาท เมื่อยังมีชีวิตอยู่ควรปฏิบัติตนให้กระทำแต่ความดี สะสมความดี เพื่อความสงบสุขที่แท้จริงต่อไป

***************************************************************

วันอาสาฬหบูชา

 พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา (เทศน์กัณฑ์แรก) เนื้อหาในหลักธรรมว่าด้วยทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) ที่นำไปสู่การบรรลุนิพพาน ท่านโกณฑัญญะ ได้บรรลุโสดาปัตติผล แล้วทูลขอบวชเป็นพระสาวกรูปแรก ที่เป็นประจักษ์พยานในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
ทางสายกลาง (มัชฌิมปฏิปทา) เป็นข้อปฏิบัติที่ทำให้บรรลุจุดหมายสูงสุดของชีวิต นั่นคือ “นิพพาน” ได้ โดยการปฏิบัติที่ไม่ตึงเกินไป หรือ หย่อนยานเกินไป ซึ่งประกอบด้วย ความเห็นชอบ ดำริชอบ เจรจาชอบ การทำงานชอบ เลี้ยงชีวิตชอบ มีความเพียรชอบ ระลึกชอบ และตั้งใจมั่นชอบ

ทางสายกลางที่ว่านั้น เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วคิดหาทางไปถึงเป้าหมายนั้นให้ได้ ซึ่งก็พบว่า ต้องเริ่มต้นด้วยการทำจิตให้สงบ ไม่เอนเอียงไปทางข้างตึง หรือข้างหย่อน โดยอาศัยการฝึกสติเป็นตัวนำ พร้อมทั้งเพียรระวังไม่ได้ความคิดที่ไม่ดีเกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็เพียรละให้ได้ ในขณะเดียวกัน ก็เพียรให้เกิดความคิดที่ดีและเพียรรักษาความคิดที่ดีที่เกิดขึ้นแล้วให้คงอยู่ และพบต่อไปว่าจิตสงบแล้ว พฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งทางกายและวาจาก็สงบด้วย เมื่อสงบครบทั้งกาย วาจา และใจแล้ว ก็ได้บรรลุเป้าหมายสูงสุด คือ นิพพาน
การนำเอาหลักทางสายกลางมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ก็คือ การกระทำตนให้พอดี ไม่เคร่งเครียดจริงจังจนเกินไป หรือปล่อยปะละเลยเกินไป แต่ควรปฏิบัติตนให้พอดีกับการปฏิบัติกิจการนั้น ๆ แสดงออกทั้งทางกายและวาจา ให้สอดคล้องกับความคิด จนเข้าได้กับบุคคล กาลเทศะ และไม่เสียหลักธรรม

 ในการปฏิบัติกับหมู่คณะ การดำเนินงานของหมู่คณะจะสำเร็จได้ด้วยอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย หากทุกฝ่ายเกี่ยวข้องยึดถือทางสายกลาง ก็จะทำให้เกิดความคิด การกระทำและคำพูดที่พอดีต่อกัน ในกลุ่มผู้ร่วมงาน ซึ่งในที่สุดก็ยอมรับกันได้ ไม่เกิดการแบ่งฝ่ายซึ่งทำให้เกิดอุปสรรค

 พระพุทธองค์ทรงเป็นแบบอย่างของการดำเนินตามทางสายกลาง ในขณะที่พระพุทธองค์ทรงทำทุกรกิริยา (ทรมานตน) เป็นการปฏิบัติที่เคร่งครัดเกินไปในลักษณะ “สุดโต่ง” เมื่อพระพุทธองค์ได้ยินพิณสามสาย นั่นคือ หากปฏิบัติตนเคร่งครัดเกินไป หรือหย่อนยานเกินไป เสียงก็ไม่ไพเราะ น่าฟัง หากสายพิณตึงพอดี พอดีดเข้าไปก็บังเกิดเสียงไพเราะน่าฟัง พระพุทธองค์จึงทรงเห็นว่า การดำเนินทางสายกลางเท่านั้นจึงจะนำไปสู่หนทางพ้นทุกข์ หรือสู่นิพพานได้

**************************************************************

วันเข้าพรรษา

 วันเข้าพรรษานี้ มีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนิกชนและเป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนาด้วยเหตุผลดังนี้
 
1. พระภิกษุจะหยุดจาริกไปยังสถานที่อื่น ๆ แต่จะเข้าพักอยู่ประจำในวัดแห่งเดียวตามพุทธบัญญัติ

2. การที่พระภิกษุอยู่ประจำที่นาน ๆ ย่อมมีโอกาสได้สงเคราะห์กุลบุตรที่ประสงค์จะอุปสมบทเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และสงเคราะห์พุทธบริษัททั่วไป

3. เป็นเทศกาลที่พุทธศาสนิกชนงดเว้นอบายมุขและความชั่วต่าง ๆ เช่น การดื่มสุรา สิ่งเสพติด และการเที่ยวเตร่เฮฮา เป็นต้น


4. นอกจากเป็นเทศกาลที่พุทธศาสนิกชนงดเว้นอบายมุขและความชั่วต่าง ๆ แล้วในช่วงเวลาพรรษา พุทธศาสนิกชนทั่วไปจะบำเพ็ญทาน รักษาศีล ฟังธรรม และเจริญภาวนามากขึ้น

หลักธรรม “วิรัติ” เป็นหลักธรรมสำคัญที่สนับสนุน คุณความดีในระหว่างเทศกาลเข้าพรรษา ที่พุทธศาสนิกชนนิยมไปวัด ถวายทานรักษาศีล ฟังธรรมและเจริญจิตภาวนา ซึ่งเป็นการเว้นจากการกระทำความชั่ว บำเพ็ญความดี และชำระจิตใจให้สะอาดผ่องใส เคร่งครัดยิ่งขึ้น นั่นคือ การงดเว้นจากบาป ความชั่วและอบายมุขต่าง ๆ ด้วยเกิดความรู้สึกละอาย (หิริ) และเกิดความเกรงกลัวบาป (โอตตัปปะ) การงดเว้นจากบาป ความชั่วและอบายมุขต่าง ๆ ด้วยการสมาทานศีล 5 หรือ ศีล 8 และการงดเว้นจากบาป ความชั่วและอบายมุขต่าง ๆ ได้อย่างเด็ดขาด
การปฏิบัติด้วยหลักของการงดเว้น (วิรัติ) นั้น ทางที่ดีควรเป็นการงดเว้นบาป ความชั่ว และอบายมุขต่าง ๆ ได้อย่างเด็ดขาด ไม่ควรงดเว้นเฉพาะในชั่วกาลพรรษาเท่านั้น การงดเว้นสิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดผลดีต่อตนเอง นั่นคือ การที่มีสุขภาพกายที่แข็งแรง มีสุขภาพจิตที่ดี มั่นคง ปราศจากภยันตรายจากสภาพแวดล้อมในทุก ๆ ด้าน มีผลดีต่อสังคม นั่นคือ สังคมสงบสุข ไม่มีการเบียดเบียนทำร้ายกัน สังคมมีแต่พัฒนาและเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

 *****************************************************************

วันออกพรรษา

วันออกพรรษา นับเป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนา คือ พระสงฆ์ได้รับพระบรมพุทธานุญาตให้จาริกไปค้างแรมที่อื่นได้ ซึ่งจะได้นำความรู้จากหลักธรรมและประสบการณ์ที่ได้รับระหว่างพรรษาไปเผยแผ่แก่ประชาชน นอกจากนั้นพระสงฆ์ได้ทำปวารณา เปิดโอกาสให้เพื่อนภิกษุว่ากล่าวตักเตือนเรื่องความประพฤติของตนเพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ ความเคารพนับถือ และความสามัคคีกันระหว่างสมาชิกของสงฆ์ และเพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้นำแบบอย่างไปทำปวารณาเปิดโอกาสได้ ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนตนเองเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาตนและสร้างสรรค์สังคมต่อไป

ปวารณา คือหลักธรรมสำคัญที่ควรไปปฏิบัติ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนตนเองได้ พระพุทธเจ้าตรัสประโยชน์ของการทำปวารณาของพระภิกษุสงฆ์ไว้ 3 ประการคือ

1. เป็นการเหมาะสมที่ภิกษุทั้งหลายจะมีการตักเตือนกัน เพื่อแก้ไขความประพฤติที่บกพร่องของตนเอง

2. เป็นวิธีออกจากอาบัติ หมายความว่า เมื่อภิกษุรูปใด ทำความผิด ถูกตักเตือนให้ทราบความผิดพลาดบกพร่องแล้ว จะได้แสดงอาบัติซึ่งเป็นโทษข้อเสียหายในตนและเป็นผู้มีกาย วาจาบริสุทธิ์เช่นเดิม

3. เป็นวิธีการเคารพวินัยของภิกษุทั้งหลาย หมายความว่า เมื่อภิกษุผู้อยู่ร่วมกันต่างปวารณาตนเพื่อให้มีการว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ก็จะไม่ทำผิดวินัย ส่งผลต่อการคงอยู่หรือการสืบต่อพระพุทธศาสนาต่อไป

 ชาวพุทธผู้เป็นฆราวาสย่อมได้ประโยชน์จากการทำปวารณาของพระภิกษุสงฆ์ กล่าวคือ เมื่อพระสงฆ์ท่านทำปวารณาต่อกัน คือยอมตนให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนตนได้ ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีมาก ทำให้พระสงฆ์ได้รับประโยชน์ในการรักษาตนให้พ้นจากการประพฤติชั่ว และประพฤติแต่ความดีงาม ดังนั้นชาวพุทธที่เป็นฆราวาส ก็ได้นำเอาหลักการปวารณาของพระสงฆ์มาปฏิบัติในครอบครัว เช่น สามีภรรยา ปวารณาต่อกันให้อีกฝ่ายหนึ่งว่ากล่าวตักเตือนตนได้เมื่อเห็นข้อบกพร่อง ลูกปวารณาตนต่อพ่อแม่ให้ว่ากล่าวตักเตือนตนได้เมื่อทำผิด และพ่อแม่ก็ปวารณาตนให้ลูกว่ากล่าวตักเตือนได้เมื่อเห็นข้อบกพร่อง เมื่อครอบครัวนำเอาหลักการปวารณาของพระสงฆ์มาปฏิบัติ คือปวารณาตนยอมให้สมาชิกในครอบครัวว่ากล่าวตักเตือนกันได้โดยไม่มีทิฏฐิมานะเช่นนี้ ครอบครัวนั้นก็จะมีแต่ความสุขสงบ ร่มเย็นไม่มีปัญหาข้อขัดแย้งต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายขึ้น หน่วยงาน องค์การต่าง ๆ รวมทั้งรัฐบาล สามารถนำเอาหลักของปวารณานี้ไปประยุกต์ใช้ในองค์กรของตนเองได้ ย่อมก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้า บรรลุตามเป้าหมายได้ในที่สุด

******************************************************************

วันตักบาตรเทโวโรหณะ

การตักบาตรเทโวโรหณะ เป็นประเพณีที่ชาวพุทธทั่วประเทศปฏิบัติสืบเนื่องกันมา วันตักบาตรเทโวโรหณะ จัดทำขึ้นหลังวันออกพรรษา 1 วัน คำว่า “เทโวโรหณะ” แปลว่า การหยั่งลงจากเทวโลก หมายความว่า วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก ประเพณีการตักบาตรเทโวโรหณะ นับว่าเป็นประเพณีที่สืบเนื่องมาจากพุทธศาสนาอันเป็นพิธีมงคล ที่สมควรอนุรักษ์ไว้ เพราะประเพณีนี้นอกจากจะแสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนิกชนยังมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาแล้วไม่เสื่อมคลายแล้ว ยังมีคุณค่าและคติธรรมด้านอื่นอีก เช่น

1. ด้านจิตใจ จากตำนานความเป็นมาของการตักบาตรเทโว ที่กล่าวว่า พระพุทธองค์ทรงระลึกถึงพระคุณของพระราชชนนี จึง
เสด็จไปเทวโลกเพื่อแสดงธรรมให้พระราชชนนีบรรลุโลกุตรธรรม แสดงให้เห็นถึงความ “กตัญญูกตเวที” ที่ลูกพึงมีต่อพ่อแม่ แม้แม่จะไม่ได้เลี้ยงดูอุ้มชูเพราะสิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่พระพุทธองค์ประสูติได้เพียง 7 วัน แต่พระคุณของแม่ผู้ให้กำเนิดให้ชีวิตย่อมยิ่งใหญ่ให้ระลึกถึง ผู้ที่
มาทำบุญตักบาตรเทโวในวันนี้ก็ยิ่งรู้และซาบซึ้งในตำนานนี้ดี และควรปฏิบัติต่อบิดามารดาอย่างไรเป็นการตอบแทนพระคุณ

2. ด้านความสามัคคี ประชาชนจำนวนมากมากจากที่ต่าง ๆ มากระทำพิธีตักบาตรร่วมกันแสดงให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจ
เดียวกัน ในอันที่จะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา มีความสมัครสมานสามัคคีกันระหว่างบ้านกับวัด

3. ด้านการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา การที่ประชาชนยังยึดมั่นในประเพณีและปฏิบัติศาสนกิจในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเช่นนี้ นับว่าเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาโดยตรง และถือว่าเป็นการทำบำรุงพระสงฆ์ผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาด้วย

4. ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยพระสงฆ์ได้ปฏิบัติศาสนกิจตามหน้าที่ของสงฆ์โดยการแผ่เมตตา โปรดสัตว์ ได้แสดงพระธรรมเทศนาสั่งสอนให้ประชาชนกระทำความดี การปฏิบัติต่าง ๆ จึงถือว่าพระสงฆ์ได้มีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยตรง

 ประเพณีการทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ จึงเป็นประเพณีที่สมควรอนุรักษ์ไว้มิให้สูญหายไป เพราะประเพณีที่ดี บ่งบอกให้เห็นถึงความศรัทธาเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา จากความเป็นมาของประประเพณีก็มีส่วนทำให้ผู้มาทำบุญตักบาตรในวันนี้มีจิตใจระลึกถึงพระคุณของมารดาผู้ให้กำเนิด พุทธศาสนิกชนควรปฏิบัติศาสนกิจด้วยความเต็มใจ ศรัทธา พร้อมกันชักชวนเพื่อนบ้าน สมาชิกในครอบครัวให้เห็นความสำคัญของวันนี้และไปทำบุญตักบาตรร่วมกัน

****************************************************************

วันธรรมสวนะ

วันธรรมสวนะ หมายถึง วันฟังธรรม คือวันขึ้น 8 ค่ำ แรม 8 ค่ำ และวันขึ้น 15 ค่ำ แรม 15 ค่ำ (หรือแรม 14 ค่ำ) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วันพระ”เป็นวันที่ชาวพุทธนำอาหาร ผลไม้ เครื่องสักการะ ไปวัดเพื่อถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ รวมทั้งรักษาศีล เจริญจิตภาวนา และฟังพระธรรมเทศนา

หลักธรรมสำคัญที่ชาวพุทธทุกคนควรนำไปปฏิบัติในวันธรรมสวนะคือ การให้ทาน การรักษาศีล และการเจริญจิตภาวนา โดยเฉพาะในครอบครัวผู้นำครอบครัวควรจะนำสมาชิกในครอบครัวไปบำเพ็ญกุศล ทำบุญตักบาตร บริจาคทาน หรือร่วมกันปฏิบัติธรรมที่วัด รักษาศีล ไหว้พระ สวดมนต์ฟังธรรม เจริญภาวนา นอกจากนั้นอาจปรึกษาหารือหาแนวทางในการป้องกันและการแก้ปัญหาในครอบครัว โดยใช้หลักธรรม เช่น ส่งเสริมให้เกิดการลด ละ เลิกอบายมุข เป็นต้น

ในกรณีที่ไม่เป็นวันหยุดสามารถกระทำได้อย่างง่าย ๆ เช่น ทำบุญตักบาตรกับพระภิกษุทั่วไป ตอนเย็นอาจไปสวดมนต์ไหว้พระที่วัดหรือการร่วมทำบุญให้ทานกับบุคคลที่ด้อยโอกาสเป็นต้น การปฏิบัติตนให้เป็นเยี่ยงอย่างเช่นนี้ จะส่งผลให้สมาชิกในครอบครัวได้เรียนรู้ ได้ปฏิบัติตาม เป็นแนวทางที่ส่งผลให้มีจิตใจที่เปี่ยมสุข อย่างน้อยในหนึ่งสัปดาห์เราก็สามารถร่วมทำบุญกุศล เพื่อความเป็นศิริต่อตนเอง ครอบครัว เพื่อนร่วมโลก และสรรพสัตว์ทั้งหลาย

***************************************************************
 

ที่มา http://mediacenter.mcu.ac.th/data/caipyo/m6/web/van/p4.php

Tags : หลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันธรรมสวนะและเทศกาล

view